loader image

Empire Granite

หินอ่อน กับ หินแกรนิต ต่างกันอย่างไร แบบไหนดีกว่ากัน ?

หินอ่อน-กับ-หินแกรนิต-หน้าปก

สนใจหัวข้อนี้

หินอ่อน กับ หินแกรนิต หินธรรมชาติที่ได้รับความนิยมในการนำมาใช้ตกแต่งอาคารหรือที่พักอาศัยต่าง ๆ ด้วยความที่เป็นวัสดุจากธรรมชาติที่ถูกขุดมาจากพื้นโลกเหมือนกัน หินทั้ง 2 ชนิดนี้ให้ความรู้สึกสุดพิเศษที่แตกต่างไปจากวัสดุสังเคราะห์อื่น ๆ จากฝีมือมนุษย์ อีกทั้งยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้อย่างหลายรูปแบบ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หินทั้งสองชนิดนี้สามารถเข้ากับสไตล์การตกแต่งได้อย่างหลากหลาย

ถึงแม้ว่าหินอ่อนกับหินแกรนิต จะมีลักษณะหรือคุณสมบัติบางอย่างที่คล้ายกัน แต่ก็ไม่ได้เหมือนกันไปหมดเสียทีเดียว หินทั้งสองยังมีคุณสมบัติหลายอย่างที่แตกต่างกันอีกด้วย ซึ่งต้องนำมาพิจารณา

มีทั้งข้อดีและข้อเสีย จุดสังเกตต่าง ๆ ที่แตกต่างกันของวัสดุเหล่านี้ เพราะฉะนั้นจึงขึ้นอยู่กับการเลือกใช้และการตัดสินใจของคุณว่าแบบไหนจะตอบโจทย์ความต้องการของคุณมากที่สุด

ซึ่งในบทความนี้เราจะพามาดูความแตกต่างของหินทั้ง 2 ชนิดนี้ในแง่มุมต่าง ๆ กันครับ

หินอ่อน กับ หินแกรนิต ต่างกันอย่างไร ?

หินอ่อนจัดอยู่ในหมวดหมู่หินแปรชนิดหนึ่ง ซึ่งเคยเป็นหินปูนมาก่อน ประกอบไปด้วยแคลเซียมคาร์บอเนตเป็นส่วนประกอบหลัก

จากนั้นผ่านกระบวนการทางธรณีวิทยาใต้แผ่นเปลือกโลก ซึ่งผ่านทั้งความร้อนและแรงดันมหาศาล อีกทั้งระยะเวลาที่ยาวนาน จนเกิดการตกผลึกเป็นแร่แคลไซต์ที่ประสานกันอย่างแน่นละเอียด

ส่งผลให้หินอ่อนมีเนื้อสัมผัสที่ละเอียด เป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของหินชนิดนี้ รวมไปถึงลวดลายของเส้นแร่ที่เกิดจากแร่ชนิดอื่น ๆ ผสมอยู่ในเนื้อหิน ซึ่งยังเป็นตัวกำหนดสีสันของหินอีกด้วย

โดยทั่วไปแล้วหินอ่อนจะมีราคาที่แพงกว่าหินแกรนิต อีกทั้งยังมีสีสันและลวดลายที่หลากหลายตั้งแต่สีดำไปจนถึงสีขาว

ในส่วนของ หินแกรนิต จัดเป็นหินอัคนี ซึ่งหมายถึงหินที่เกิดจากการเย็นตัวลงของแมกมาหรือลาวาอย่างช้า ๆ จนเกิดการตกผลึก โดยกระบวนการนี้ใช้เวลาอย่างยาวนาน

หินแกรนิตประกอบไปด้วยแร่ควอตซ์ (Quartz) และแร่เฟลด์สปาร์ (Feldspar) เป็นส่วนประกอบหลัก และมีแร่อื่น ๆ ประสมอยู่ด้วยแตกต่างกันไป

หินแกรนิตมีตั้งแต่สีดำ สีเทาเข้ม ไปจนถึงสีเหลืองหรือสีแดง ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบทางเคมี และแร่ต่าง ๆ ที่เป็นส่วนประสมเป็นตัวกำหนด

ทั้งนี้ทั้งนั้นสีสันและลวดลายของหินทั้งสองชนิดจะมีความแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับส่วนประกอบของแร่ต่าง ๆ และสถานที่พบของหินนั้น

และถึงแม้ว่าหินจะมาจากเหมืองเดียวกัน ลวดลายก็ยังมีความแตกต่างกันอย่างมีเอกลักษณ์ในแต่ละสแลปหินนับเป็นมนต์สเน่ห์อีกอย่างของหินธรรมชาติ

ความแตกต่างของลักษณะภายนอก

ลักษณะลวดลายของหินแกรนิตเมื่อเราดูใกล้ ๆ จะสังเกตเห็นเป็นจุดหรือเม็ดเล็ก ๆ ทั่วเนื้อหิน และนั่นยังเป็นที่มาของชื่อหินแกรนิต ( Granite) ที่มาจากภาษาละติน “Granum” ซึ่งหมายถึงข้าวหรือเม็ดอีกด้วย

ในส่วนของหินอ่อนเราสามารถสัมผัสได้ถึงเนื้อหินที่ละเอียด อีกทั้งลวดลายเส้นแร่ที่พริ้วไหว และมีสีสันที่โดดเด่น หรูหรา ทำให้หินอ่อนได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน
ลักษณะ-หินอ่อน-หินแกรนิต

ความแข็งแกร่ง ทนทาน

ส่วนประกอบหลักของหินทั้งสองชนิดนี้ส่งผลโดยตรงในแง่ของความแข็งแกร่งและความทนทาน

หินแกรนิตซึ่งเกิดจากการเย็นตัวและตกผลึกของแมกมาประกอบด้วยแร่ควอตซ์ (Quartz) และแร่เฟลด์สปาร์ (Feldspar) เป็นหลัก ซึ่งมีระดับความแข็งอยู่ที่ระดับ 6 ถึง 7 จาก 10 ระดับตามมาตราโมส

นับว่ามีความแข็งแกร่งและทนทานต่อรอยขีดข่วนอยู่ในระดับดีเลยทีเดียว อีกทั้งยังทนทานต่อความร้อนและแสงแดด ส่งผลให้สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในสถานที่ ๆ ต้องการความแข็งแกร่ง อย่างเช่น ปูพื้นภายนอก พื้นถนน ได้ดีอีกด้วย

ในทางกลับกันหินอ่อนซึ่งประกอบด้วยแคลเซียมคาร์บอเนตเป็นส่วนประกอบหลัก โดยมีค่าความแข็งอยู่ที่เพียงระดับ 3 ตามมาตราโมส ทำให้หินอ่อนค่อนข้างอ่อนไหวต่อรอยขีดข่วน
ดังนั้นจึงควรระมัดระวังในการใช้งาน เพื่อให้หินคงความสวยงามได้อย่างยาวนานยิ่งขึ้น

การประยุกต์ใช้ที่แตกต่าง

ด้วยเนื้อหิน ลวดลาย คุณสมบัติ และความแข็งแกร่งที่มีความแตกต่าง ทำให้หินทั้งสองชนิดนี้มีความเหมาะสมและถูกนำไปประยุกต์ใช้ต่างกันออกไป

หินอ่อนที่มีลวดลายสวยงาม แต่ค่อนข้างอ่อนไหวต่อรอยขีดข่วน เหมาะกับการนำไปตกแต่งในพื้นที่ภายใน ด้วยคุณสมบัติที่ไม่เก็บความร้อน สามารถช่วยให้อากาศภายในห้องหรือในตัวอาคารไม่ร้อนอบอ้าวได้เป็นอย่างดี

อีกทั้งด้วยเนื้อหินที่มีความเหนียว ละเอียด ทำให้ง่ายต่อการนำมาแกะสลัก จะเห็นได้ว่ามีงานปฏิมากรรมที่ทำมาจากหินอ่อนตั้งแต่สมัยอดีตมาจนถึงปัจจุบัน

ในส่วนของหินแกรนิต ด้วยเนื้อหินที่มีความแข็งแรง ทนทานต่อรอยขีดข่วน จึงทำให้สามารถติดตั้งได้ทั้งภายในและภายนอก อีกทั้งคุณสมบัติที่ทนความร้อนและสภาพอากาศ แสงแดดในประเทศเขตร้อนอย่างเช่น ประเทศไทย จึงไม่ใช่ปัญหา

เราจะเห็นหินแกรนิตถูกนำมาปูพื้นอยู่บ่อยครั้ง ด้วยเนื้อหินที่มีความแข็งแรง สามารถรับน้ำหนักได้เป็นอย่างดี และหินแกรนิตยังสามารถทำหน้าผิวหินได้หลากหลายรูปแบบ จึงเป็นหินที่มีความอเนกประสงค์เป็นอย่างมาก

การดูแลรักษา หินอ่อน กับ หินแกรนิต

หินธรรมชาติเป็นวัสดุที่มีความทนทาน แต่ก็ยังต้องการการดูแลรักษาในระดับที่แตกต่างกันออกไป

หินทั้งสองชนิดนี้ควรเคลือบน้ำยากันซึมก่อนการติดตั้ง เพื่อป้องกันคราบสิ่งสกปรกต่าง ๆ ซึมเข้าสู่เนื้อหิน ซึ่งจะเป็นการยากในการทำความสะอาดในภายหลัง

โดยทั่วไปแล้วหินแกรนิตจะมีความแข็งแกร่ง ทนทานต่อรอยขีดข่วน และดูแลรักษาได้ง่ายกว่าหินอ่อน การเคลือบน้ำยากันซึมจะสามารถช่วยปกป้องเนื้อหินได้เป็นอย่างดี และควรเคลือบเป็นประจำทุกปี จะสามารถรักษาความสวยงาม และระยะเวลาการใช้งานของหินให้ยาวนานมากยิ่งขึ้น

ในส่วนหินอ่อน เนื้อหินจะมีความละเอียดและหนาแน่นอยู่ค่อนข้างมาก แต่ก็ยังมีรูพรุนตามธรรมชาติ ซึ่งง่ายต่อการปนเปื้อนของคราบสิ่งสกปรก เพราะฉะนั้นวิธีการป้องกันที่ดีที่สุดคือการเช็ดคราบที่กระเด็นใส่หน้าหินให้เร็วที่สุด ไม่ปล่อยให้คราบเหล่านั้นเกาะอยู่หน้าหินเป็นเวลานาน ๆ

อีกทั้งหินอ่อนยังมีความไวต่อกรด ยกตัวอย่างเช่น น้ำมะนาว ซอสมะเขือเทศ เป็นต้น ซึ่งสามารถทำให้หินเกิดรอยด่างได้ ดังนั้นในกรณีที่นำหินอ่อนมาใช้ตกแต่งในครัวจึงควรระมัดระวังสิ่งเหล่านี้ด้วย

สรุป

หินแกรนิต
   ข้อดี
   • มีราคาถูกกว่า
   • มีความแข็งแกร่ง ทนทาน ดูแลรักษาง่ายกว่า
   • ทนความร้อน
   ข้อเสีย
   • มีโอกาสปนเปื้อนคราบสิ่งสกปรกได้
หินอ่อน
   ข้อดี
   • มีลวดลายที่งดงาม หรูหรา
   • มีสีสันที่หลากหลาย เข้ากับหลายสไตล์การตกแต่ง
   ข้อเสีย
   • มีราคาที่สูงกว่า
   • ทนทานน้อยกว่า
หากท่านมีความสนใจหินอ่อนหรือหินแกรนิต สามารถรับชมเพิ่มเติมได้ที่ Our Stone หรือติดต่อ Line @empiregranite.co.th โทร 02-9445909

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้นี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณเพื่อนำมาวิเคราะห์ ปรับปรุง และพัฒนงประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากถ้าไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์

Save
Loading...